Skip to main content

หน้าหลัก

บทวิเคราะห์: คนงานชาวต่างชาติในยูอีอาจย้ายถิ่นเหตุแบกรับค่าครองชีพไม่ไหว

คนงานชาวต่างชาติในยูอีอาจย้ายถิ่นเหตุแบกรับค่าครองชีพไม่ไหว

จากข้อมูลการวิจัยของสำนักวิจัยในยูเออี (YouGov research) เผยแพร่ว่าคนงานต่างชาติกว่าครึ่งหนึ่งที่ทำงานอยู่ในยูเออีพิจารณาเรื่องการโยกย้ายออกนอกประเทศ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น

งานวิจัยชี้ว่าคนงานต่างชาติจำนวน ร้อยละ ๔๒ มีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา ในขณะที่จำนวนร้อยละ ๕๐ กำลังหาทางย้ายออกเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น

Alaeddine Ghazouani ผู้จัดการแผนกวิจัยของ YouGov กล่าวว่าคนงานต่างชาติส่วนใหญ่พิจารณาถึงรายได้ที่ได้รับและจำนวนเงินที่สามารถเก็บออมจากการทำงานในยูเออีเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้ามาทำงานในยูเออี หากแต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คนงานต่างชาติเหล่านี้ไม่มีความมั่นคงด้านเงินออมและเลือกที่จะย้ายออกจากยูเออี

คนงานต่างชาติร้อยละ ๕๖ เห็นว่าค่าเช่าที่พักอาศัยเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อสถานะด้านการเงินและเงินออม รองลงมา ได้แก่ในเรื่องของการศึกษา รวมทั้งมีความยากลำบากในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่พัก

กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าในการทำงานอยู่ในยูเออีพวกเขามีความยากลำบาก ดังนี้ เรื่องค่าครองชีพ (ร้อยละ ๒๒) ค่าเช่าที่พักอาศัยที่เพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ ๑๙) รายได้ที่ไม่เหลือเป็นเงินออม (ร้อยละ ๑๕) และการถูกเลิกจ้าง (ร้อยละ ๑๒)

คนงานต่างชาติส่วนใหญ่จะส่งเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวในประเทศของตน โดยร้อยละ ๔๐ จะส่งไปอย่างน้อยเดือนละครั้ง เมื่อสอบถามเรื่องเงินออมคนงานร้อยละ ๒๕ ไม่มีเงินออมเลย ร้อยละ ๓๐ มีเงินออมระหว่างร้อยละ๑-๑๐ ของรายได้ในทุกๆเดือน และมีเพียงร้อยละ ๔๐ ที่มีความพึงพอใจกับการออมของตน ด้านความพึงพอใจในการทำงาน ร้อยละ ๗๔ มีความพึงพอใจในงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และน้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ได้รับการขึ้นเงินเดือนในปีที่ผ่านมา(เรียบเรียงจาก Yahoo Maktoob News วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘)

บทวิเคราะห์

– แรงงานไทยในยูเออี
สำนักงานแรงงาน ณ กรุงอาบุดาบี ประมาณการว่ามีแรงงานไทยอยู่ในเออี จำนวนประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน

โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการก่อสร้าง รองลงมาได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและอื่นๆ เนื่องจากยูเออีไม่มีกฎหมายว่าด้วยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ดังนั้น อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแรงงานต่างชาติ (basic salary) จึงขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งแตกต่างจากแรงงานไทยที่กรมการจัดหางาน ได้ออกประกาศเรื่อง กำหนดอัตรามาตรฐานค่าจ้างขั้นต่ำและเงื่อนไขสำหรับการจ้างแรงงานไทยไปทำงานในประเทศภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

จำแนกอัตราค่าจ้างชัดเจนเป็นแรงงานทั่วไป กึ่งฝีมือ ฝีมือตามประเภทกิจการ ซึ่งนายจ้างทุกรายที่ประสงค์จะจ้างแรงงานไทยเข้ามาทำงานในยูเออี จะต้องมายื่นเอกสารขอรับรองการจ้างงานแรงงานไทย โดยสำนักงานแรงงานฯ จะตรวจสอบอัตราค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามประกาศของกรมการจัดหางานและกฎหมายท้องถิ่น และสืบเนื่องจากกฎหมายท้องถิ่นกำหนดให้นายจ้างจะต้องจัดหาอาหารและที่พักให้แก่คนงาน สำนักงานแรงงานฯ จึงสามารถตรวจสอบความพร้อมของนายจ้างในเรื่องการจ่ายค่าจ้างและการจัดสวัสดิการประกอบการรับรองเอกสาร ทำให้แรงงานไทยได้รับการดูแล คุ้มครองด้านรายได้และสวัสดิการ ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมเยียนแรงงานไทยในสถานประกอบการของสำนักงานแรงงาน ฯ พบว่าแรงงานไทยส่วนใหญ่ได้รับสวัสดิการที่พักและค่าอาหารหรือเบี้ยเลี้ยงตามที่กำหนดในเงื่อนไขสัญญาจ้าง และส่วนใหญ่มีเงินออมสามารถส่งกลับไปดูแลครอบครัวในประเทศไทย เฉลี่ยคนละ ๒๐,๐๐๐ บาทเกือบทุกเดือน อย่างไรก็ตามยังมีแรงงานไทยบางส่วนที่มายื่นข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างหรือกฎหมายแรงงานของนายจ้าง ซึ่งสำนักงานแรงงานฯ จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่างๆ จนเป็นที่ยุติ

เป็นที่สังเกตว่าตลาดของแรงงานไทย โดยเฉพาะระดับล่างจะมีคู่แข่งจากแรงงานในประเทศเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถานและบังคลาเทศและแรงงานจากประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากแรงงานเหล่านี้ยอมรับค่าจ้างที่ต่ำกว่าแรงงานไทยมาก จึงไม่สามารถมีเงินออมหรือส่งกลับไปดูแลครอบครัวในประเทศของตน สอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยข้างต้น อย่างไรก็ตามงานวิจัยข้างต้น ไม่ได้จำแนกกลุ่มตัวอย่างตามประเภท ทักษะฝีมือ ลักษณะอาชีพ อายุงาน สำนักงานแรงงานฯ เห็นว่าตลาดแรงงานไทยในยูเออี ยังมีโอกาสได้รับการจ้างงานอีกมาก ได้แก่ แรงงานกึ่งฝีมือ หรือฝีมือขึ้นไป เช่น สาขาช่างต่างๆ พ่อครัวไทยและพนักงานนวดไทย ที่นายจ้างยังมีความต้องการและมาขอจ้างแรงงานไทยผ่านการรับรองสัญญาจ้างของสำนักงานแรงงานฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับปัญหาของแรงงานไทยที่สำนักงานแรงงานฯ ประสบ ได้แก่ การเข้ามาทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายของแรงงานไทย โดยไม่มีสัญญาจ้างที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานแรงงาน ฯ การเข้ามาทำงานโดยใช้วีซ่าเยี่ยมเยียน หรือวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายและมักถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้น แรงงานไทยที่ต้องการเข้ามาทำงานในยูเออี จึงต้องได้รับการรับรองสัญญาจ้างจากสำนักงานแรงงานฯ และผ่านกระบวนการต่างๆของกรมการจัดหางาน ซึ่งจะทำให้ไม่ถูกหลอกลวงและได้รับการดูแล คุ้มครองตามกฎหมายเมื่อเดินทางมาถึงยูเออี

สนร.อาบูดาบี


1512
TOP