รัฐบาลโอมานยังคงมุ่งผลักดันนโยบาย Omanisation โดยผู้ประกอบการ ในแต่ละสาขาธุรกิจ จะต้องจ้างแรงงานชาวโอมานในอัตรส่วนต่อลูกจ้างทั้งหมดตามที่กระทรวงแรงงานโอมานกำหนด (อัตราส่วนมีความแตกต่างในแต่ละสาขาอาชีพ) ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก รวมทั้งมีโอกาสถูกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ นอกจากนี้ กฎหมายแรงงานโอมาน ยังกำหนดให้การจ้างแรงงานต่างชาติในอัตราส่วนลูกจ้างที่จะต้องเป็นแรงงานชาวโอมาน โดยผู้ประกอบการจะต้องพิสูจน์ต่อเจ้าพนักงานว่าไม่สามารถหาแรงงานชาวโอมานที่มีความสามารถหรือความเชี่ยวชาญที่เพียงพอในตำแหน่งที่ต้องการจ้าง
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 คณะรัฐมนตรีโอมาน ได้มีมติเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงานชาวโอมานจาก 140 ริยาลโอมาน/เดือน (ประมาณ 11,488 บาท) เป็น 200 ริยาลโอมาน (ประมาณ 16,414 บาท) ทั้นี้เพื่อบรรเทาความไม่พอใจของชาวโอมานที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้างเมื่อต้นปี 2554
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 สุลต่านกาบุส บิน ซาอิด (Sultan Qaboos bin Said) ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตราพระราชกฤษฎีกา (Royal Decree) ที่ 113/2011 แก้ไขกฎหมายแรงงานในมาตราที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง อาทิ สิทธิหน้าที่ขของนายจ้างและลูกจ้างในสัญญาจ้างงาน การลา กำหนดระยะเวลาทำงานต่อสัปดาห์ การจ้างสตรี และการยกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับลูกจ้าง รวมทั้งการเพิ่มบทลงโทษนายจ้างที่ไม่จ้างลูกจ้างชาวโอมานในอัตราส่วนตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
ถึงแม้ว่านโยบาย Omanisation เป็นนโยบายที่สำคัญของโอมาน แต่ความต้องการแรงงานต่างชาติยังอยู่ในอัตราที่สูง เนื่องจากโอมานเป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีโครงการต่างๆ จำนวนมากที่ต้องอาศัยแรงงานที่มีฝีมือเฉพาะด้านจากต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างและภาคบริการ ซึ่งเป็นสาขาที่คนโอมานยังขาดประสบการณ์ หรือเป็นสวาขาที่คนโอมานไม่นิยมทำงาน
สาขาอาชีพที่โอมานต้องการแรงงานต่างชาติ ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมัน กิจการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และการบริการ นอกจากนี้ การขยายเส้นทางการบินของ Oman Air ก็เป็นโอกาสของแรงงานต่างชาติอีกด้านหนึ่งเช่นกันที่จะได้เข้าไปทำงานในโอมาน
จำนวนแรงงานโดยรวม |
|
จำนวนแรงงานในภาคธุรกิจเอกชน (คน) รวม | 1,263,412 |
ชาวโอมาน | 173,242 |
ชาวต่างชาติ | 1,090,170 |
ธุรกิจสาขาหลักที่ใช้แรงงาน | |
ธุรกิจ | จำนวนแรงงาน รวม 904,104 |
ก่อสร้าง | 469,830 |
ซื้อขาย/ซ่อมแซมยานยนต์และเครื่องใช้สอยในบ้าน | 131,924 |
อุตสาหกรรม | 126,446 |
งานรับใช้ในบ้าน | 105,331 |
เกษตรกรรม | 70,573 |
สถานการณ์ในโอมานยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และยังมีแรงงานไทยเข้าไปทำงานทั้งแบบที่เดินทางอย่าถูกกฎหมายและผิดกฎหมายไม่มากนัก โทรเลขสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัตเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555 ระบุว่า มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในโอมานประมาณ 500 คน แบ่งเป็นพนักงานบริษัท พนักงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และพนักงานภาคบริการ เช่น พนักงานโรงแรม ร้านเสริมสวย นวด/สปา และพ่อครัวในร้านอาหารและโรงแรม
แรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในโอมานอย่างถูกกำหมายและมีสัญญาจ้างงานถูกต้องชัดเจน จะได้รับค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ ได้แก่
– ค่าจ้าง ราว 150-250 ริยาลโอมาน/เดือน หรือประมาณ 12,000-20,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับความสามารถและฝีมือของแรงงานไทย
– ที่พักอาศัย พร้อมอาหาร 3 มื้อ
– รถรับ-ส่ง ระหว่างที่พักกับที่ทำงาน
– การรักษาพยาบาล
สำหรับแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในโอมานอย่างผิดกำหมาย หรือถูกต้องตามกฎหมายแต่สัญญาจ้างไม่ชัดเจน มักประสบปัญหาต่างๆ จากนายจ้าง อาทิ การไม่จ่ายค่าแรงตามกำหนดเวลา ไม่ให้สวัสดิการตามที่สัญญา ไม่ดำเนินการเพื่อให้ได้รับเอกสารการอนุญาตทำงาน (Work Permit) และการให้ลงนามในสัญญาจ้างงานฉบับใหม่เมื่อแรงงานเดินทางไปถึงโอมาน
– แรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในประเทศโอมาน ควรศึกษาธรรมเนียมปะเพณี วัฒนธรรม สภาพอากาศ และวัฒนธรรมการทำงานก่อนการเดินทาง เพื่อการปรับตัวและการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจในการเผชิญงานและวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก
– แรงงานไทยควรศึกษาสัญญาจ้างอย่างละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง การจ่ายค่าจ้าง เงินค่าล่วงเวลา เงินโบนัสและเงินสิ้นสุดการทำงานเมื่อครบสัญญาและกรณีที่จะต้องถูกปรับหากทำงานไม่ครบสัญญาจ้าง
– ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายได้กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้ชัดเจนและยอมรับในความแตกต่างที่เกิดขึ้น หากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศมีความผันผวน ทำให้ขาดรายได้ไปบางส่วน ซึ่งไม่เข้าข่ายว่าเป็นความผิดของนายจ้าง
– แรงงานไทยควรปรึกษาขอคำแนะนำจากกรมกการจัดหางานก่อนการเดินทาง เกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในโอมานทั้งหมด
– แรงงานไทยควรศึกษาช่องทางการติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต และฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี โดยให้ไปหรือส่งเอกสารการรายงานตัวกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ทันทีที่เดินทางไปถึงประเทศโอมาน เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และรับฟังคำแนะนำในการใช้ชีวิตในโอมาน นอกจากนี้ เพื่อให้ส่วนราชการไทยสามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยได้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
การจ้างแรงงานไทยในโอมานยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำมากเมื่อเทียบกับการจ้างแรงงานไทยในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ ทั้งนี้ อาจจะเป็นผลมาจากอัตราค่าจ้างแรงงานต่างชาติจากประเทศในภูมิภาคเอเซียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล และศรีลังกา อยู่ในระดับต่ำมาก นายจ้างสามารถเลือกจ้างได้ง่ายกว่า ลงทุนน้อยกว่า และแรงงานจากชาติที่กล่าว ล้วนมีความสัมพันธ์ และวิถีชีวิต ความเชื่อ และศาสนาที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะแรงงานอินเดียที่มีมากที่สุดและเป็นชุมชนใหญ่ที่สุดในประเทศนี้