เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กาตาร์( Qatar News) ลงวันที่ 17 มกราคม 2559 ได้พาดหัวข่าวว่า คณะกรรมการการแพทย์ของกาตาร์ ประกาศไม่รับรองการมีถิ่นที่อยู่ของผู้ที่เดินทางเข้ามาใหม่และป่วยด้วยโรคไต หนังสือพิมพ์ อ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่อาวุโสหน่วยงานสาธารณสุขว่า ท่ามกลางความพยายามที่จะบรรเทาภาระด้านระบบการดูแลสุขภาพของประเทศกาตาร์ คณะกรรมการการแพทย์ของกาตาร์ได้ออกประกาศไม่ยอมรับการให้มีถิ่นที่อยู่ของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาใหม่หากมีการตรวจสุขภาพและพบว่าป่วยด้วยโรคไตและจะถูกเนรเทศออกนอกประเทศ
นายอิบราฮิมอัลชาร์,(Ibrahim Al-Shaar) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์คณะกรรมการกาตาร์บอกกับหนังสือพิมพ์อัลรายาสัปดาห์นี้ว่าการตรวจหาวัณโรคและไวรัสตับอักเสบซีจะเพิ่มอยู่ในรายการการตรวจสุขภาพของคนงานต่างชาติที่เดินทางเข้ามา
การตรวจสอบการทำงานของไต สามารถทำได้โดยการตรวจคัดกรองเลือดหรือปัสสาวะ เจ้าหน้าที่ปรากฏที่จะย้ายที่อยู่นอกเหนือโรคติดเชื้อในระหว่างกระบวนการเป็นครั้งแรก และหากตรวจพบก็จะมีการย้ายออกจากรายการโรคติดเชื้อ
รายการตรวจหาโรคไตนี้ถูกเพิ่มเข้ามาหลังจากคณะกรรมการการแพทย์ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล Hamad รับผิดชอบในการตรวจคัดกรองชาวต่างชาติที่เข้ามาใหม่ว่ามีชาวต่างชาติที่เข้ามาใหม่และมีอาการไตวายต้องได้รับการฟอกไตเพิ่มมากขึ้น
โรงพยาบาล Hamad Medical Corp. (HMC) กล่าวว่ามีผลกระทบต่อประชากรประมาณร้อยละ 13 ของกาตาร์ และเมื่อต้นปี เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอ้างว่า มีผู้ป่วยโรคไตจำนวนระหว่าง 250-300 คนที่ต้องเข้ารับการฟอกไตเป็นประจำทั้งปี
การตรวจสุขภาพชาวต่างชาติ
ปัจจุบันชาวต่างชาติจะต้องได้รับการตรวจคัดกรองเอชไอวี / เอดส์ วัณโรค ไวรัสตับอักเสบ B และ C ก่อนที่จะได้รับในอนุญาตถิ่นที่อยู่
สภาสูงสุดด้านสุขภาพกล่าวด้วยว่าการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาใหม่จะรวมถึงโรคซิฟิลิส และหากพบว่าติดเชื้อก็จะถูกส่งกลับประเทศ
ผู้อำนวยการการแพทย์ กล่าวด้วยว่าหากคณะกรรมการการแพทย์มีความสงสัยว่าบุคคลนั้น จ้องสงสัยว่าจะติดโรคต้องห้าม หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะแจ้งให้สปอนเซอร์ของชาวต่างชาติ ซึ่งจะต้องมีหน้าที่นำบุคคลนั้นไปตรวจโรเพิ่มเติมเพื่อความแน่ใจและให้ได้ข้อสรุป
ในขณะที่ชาวต่างชาติจาก 10 ประเทศจากเอเชียและแอฟริการวมทั้งอียิปต์, อินเดีย, เนปาลและฟิลิปปินส์จะต้องผ่านการตรวจโรคจากประเทศของตนเองก่อนจะต้องเข้ารับการตรวจอีกครั้งในกาตาร์
นายจ้างบางรายรวมทั้ง Carnegie Mellon University ยังขอให้ชาวต่างชาติที่จะได้การว่าจ้างเข้าทำงานต้องผ่านการตรวจสุขภาพจากประเทศของพวกเขาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ไม่จำเป็นและการจ้างงานที่เกิดจากข้อกำหนดของการตรวจคนเข้าเมือง.”
ผู้อำนวยการการแพทย์กล่าวว่ามีชาวต่างชาติประมาณ 9,745 คน หรือเกือบร้อยละ 1 ต่อประชากร 896,275 คน ที่เมื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพแล้วพบว่ามีสุขภาพไม่สมบูรณ์ที่จะอยู่อาศัยในกาตาร์
กลุ่มคนเหล่านี้จำแนกเป็น
• วัณโรคที่ยังไม่ปรากฏอาการ จำนวน 5940 คน
• วัณโรคที่แสดงอาการ 261 คน
• ไวรัสตับอักเสบซี 1480 คน
• ไวรัสตับอักเสบบี 1042 คน และ
• เอชไอวี 243 คน
และถึงแม้จะมีการคัดกรองอย่างเข้มงวดของชาวต่างชาติที่เข้ามาใหม่ ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในกาตาร์แล้วและภายหลังตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวีจะไม่ถูกเนรเทศออกโดยอัตโนมัติ
ในปี 2012 เจ้าหน้าที่ HMC บอกแก่หนังสือพิมพ์ ว่า AlJazeeraชาวต่างชาติที่มีเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์หากยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีงานทำจะยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศกาตาร์ได้ในขณะที่กรรมกรทั่วไปมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่
ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าความกลัวของการเลือกปฏิบัติหรือการถูกเนรเทศอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนงานต่างชาติเข้ารับการตรวจสุขภาพ ในปี 2013 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาศัยอยู่ในกาตาร์ จำนวน 113 คน และในปีนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 18 คน จากเดิม 15 คน ในขณะเดียวกัน การศึกษาทางวิชาการได้มีการประมาณการว่าประชากรกาตาร์ ระหว่างร้อยละ1-2 มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี